บรรยากาศตลาดผลไม้เจียซิง – การเคลื่อนไหวของ “ทุเรียนไทย” และ “เวียดนาม”
ข้อมูลราคาขายปรับขึ้น ในตลาดขายส่งจีน สำรวจ 19/6/68
จากการสำรวจภาคสนามโดย ปุ๋ยตราหญิงงาม ที่ตลาดค้าส่งผลไม้เจียซิง
เมืองสำคัญซึ่งเป็นศูนย์กระจายผลไม้รองจากกวางโจว พบว่าตลาดทุเรียนยังคงคึกคัก
ราคาในตลาดปรับขึ้นกว่าวันก่อนโดยภาพรวม โดยมีทุเรียนวางจำหน่ายรวมมากกว่า 200 ตู้คอนเทนเนอร์
ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นปริมาณมหาศาล และเป็นจุดกระจายสินค้าทางภาคเหนือของประเทศจีน


ทุเรียนไทย – ราคาสูงกว่าคู่แข่ง แต่ยังครองใจตลาดเป็นอันดับ 1
ทุเรียนหมอนทองจากประเทศไทยยังคงครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในตลาดนี้
โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของทุเรียนทั้งหมดที่วางขาย
แบรนด์ที่แข็งแรงและเป็นที่รู้จักสามารถขายหมดได้ภายในวันเดียว
โดยเฉพาะกล่อง AB6 ซึ่งมีราคาระหว่าง 680–800 หยวนต่อกล่อง
หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,400–4,000 บาท หรือ 165-190 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนกล่อง B6 ราคาจะอยู่ที่ 580–700 หยวน หรือ 2,900–3,500 บาท หรือ 156 -180 บาทต่อกิโลกรัม
ถึงแม้ราคาทุเรียนไทยจะสูงกว่าคู่แข่ง แต่คุณภาพและความน่าเชื่อถือยังเป็นแต้มต่อสำคัญ
ชาวจีนโดยเฉพาะพ่อค้าส่งยังไว้วางใจในแบรนด์ทุเรียนไทย ทำให้
“ทุเรียนไทยยังเป็นราชาในตลาดนี้” อย่างไม่มีข้อกังขา


ทุเรียนเวียดนาม – ราคาดึงดูด เดินทางไว
แต่ติดเรื่องการตรวจสอบที่เข้มข้นกว่าทำให้ปริมาณในตลาดน้อยกว่าทุเรียนไทย
ในขณะที่ทุเรียนเวียดนามเริ่มเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ตลาดมากขึ้น โดยมีสัดส่วนประมาณ 30% ของตู้ทั้งหมด
และส่วนใหญ่เป็นทุเรียนหมอนทองจากจังหวัดด่งนาย ซึ่งส่งเข้าจีนได้ภายใต้ GACC อย่างถูกต้อง
ราคาทุเรียนเวียดนามกล่อง AB6 อยู่ที่ 650 หยวนต่อกล่อง หรือราว 3,250 บาท
ส่วนกล่อง B6 อยู่ที่ 550 หยวน หรือประมาณ 2,750 บาท หรือ 144-170 บาทต่อกิโลกรัม
จุดแข็งที่น่าจับตาทุเรียนเวียดนามคือ เวลาเดินทางสั้นเพียง 5–7 วัน จากสวนถึงตลาดเจียซิง
(เทียบกับไทยที่ใช้เวลา 8–10 วัน) ทำให้ผลทุเรียนของเวียดนามดู “สดใหม่” กว่าเล็กน้อย
โดยเฉพาะเมื่อนำเข้ามาอย่างเร็วในช่วงตลาดขาดสินค้า


สงครามแบรนด์ – ขายได้หรือค้างสต๊อก อยู่ที่ใครทำ “การบ้าน” มาดี
สิ่งที่เห็นชัดจากการเดินสำรวจคือ แบรนด์คือทุกอย่างในตลาดนี้
หากเป็นแบรนด์ที่คนจีนรู้จักและไว้วางใจ กล่องจะถูกดึงขึ้นขายทันทีในราคาสูง
และหมดตู้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
ในขณะที่แบรนด์ใหม่ๆ หรือแบรนด์ที่ไม่มีคุณภาพสม่ำเสมอ จะถูกพักไว้ข้างตลาด
ต้องใช้เวลาขายถึง 2–3 วัน และอาจต้องลดราคาเพื่อระบายสินค้า

จุดเปรียบเทียบสำคัญ ไทย vs เวียดนาม
แม้เวียดนามจะมีต้นทุนโลจิสติกส์ต่ำ เดินทางไว และราคาถูกกว่า
แต่ทุเรียนไทยยังมีข้อได้เปรียบชัดเจนในด้านคุณภาพที่คนจีนเชื่อถือ รสชาติ
และความไว้วางใจในแบรนด์จากผู้ซื้อจีน ซึ่งสะท้อนผ่านราคาที่สูงกว่าได้อย่างชัดเจน ต้องช่วยกันรักษาคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม หากไทยไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้สม่ำเสมอ
หรือมีการตัดอ่อนเพื่อตามรอบขนส่ง เวียดนามอาจกลายเป็นทางเลือกใหม่
ของตลาดปลายทางได้ในอนาคตอันใกล้แบรนด์คุณภาพของเวียดนามก็ขายได้ดี

ข้อเสนอแนะจากทีม “ปุ๋ยตราหญิงงาม”
ในการสำรวจตลาดเจียซิงครั้งนี้ ข้อเสนอสำคัญสำหรับชาวสวนไทยและผู้ส่งออก:
1. อย่าตัดทุเรียนก่อนอายุ เพื่อแลกกับ ราคาเพราะ “เนื้อไม่ถึง”
คือสิ่งที่พ่อค้าจีนและตลาดรับไม่ได้ ในตลาดมีการแข่งขันที่สูง
และคุณภาพของทุเรียนในช่วงหน้าฝน การจัดการของสวนและล้งเนื่องจากเจอปัญหาเนื้อเหลืองแต่ไม่สุก
2. พัฒนาแบรนด์ของตนเอง ทั้งในด้านภาพลักษณ์ กล่องบรรจุ
และความสม่ำเสมอของผลผลิต
3. ปรับรอบการผลิตให้ทันตลาดในช่วงอากาศหนาวสำรวจตลาดผลไม้
ที่ใหญ่ที่สุด ทางภาคเหนือของจีน ตลาดผลไม้ 中国华东地区最大的水果市场
เป็นเพื่อนกับปุ๋ยตราหญิงงาม
ได้รับข่าวสาร
และโปรโมชันก่อนใคร