หลักการทางสรีรวิทยา
ทุเรียน (Durio zibethinus Murr.) จะออกดอกได้เมื่อ “ตาใบ” (Vegetative bud) เปลี่ยนเป็น
“ตาดอก” (Floral bud) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างดอกทั้งหมด
การเปลี่ยนตาใบนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสมดุลฮอร์โมนภายในต้น โดยเฉพาะเมื่อ
• สภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง อุณหภูมิลดลง
• ใบชุดสุดท้ายมีอายุ 45–60 วัน สะสมอาหารเต็มที่
• ความชื้นในดินอยู่ระดับพอดี ไม่แฉะ
ต้นจะเริ่ม “ปิดการเจริญทางใบ” และชี้นำพลังงานไปสร้างตาดอกแทน
ภายใต้สภาพเหมาะสม ฮอร์โมน ไซโตไคนิน จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ จิบเบอเรลลิน (GA) และ ออกซิน (IAA) ลดลง
ส่งผลให้เซลล์บริเวณตาใบเปลี่ยนหน้าที่และเริ่มพัฒนาเป็น “ตาดอก” ภายใน 7–14 วัน ซึ่งมักเกิดมากที่สุดบริเวณ “ใต้ท้องกิ่ง”
เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีอาหารและคาร์โบไฮเดรตสะสมจากใบมากที่สุด
ทำไมต้อง “พ่นใต้ท้องกิ่ง”
บริเวณใต้ท้องกิ่งคือจุดที่ทุเรียนสร้างตาดอกมากที่สุด เพราะมีเงาใบช่วยลดอุณหภูมิ มีความชื้นเหมาะสม และเป็นบริเวณที่มีการไหลของอาหารจากใบลงสู่กิ่งโดยตรง
การพ่นสารส่งเสริมฮอร์โมนบริเวณนี้จะช่วยให้สารซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตาดอกได้โดยตรง จึงให้ผลดีกว่าการพ่นทั่วไปบนพุ่มใบ
บทบาทของ “ไซโตไคนิน” จากสาหร่ายทะเล
ไซโตไคนิน (Cytokinin) เป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่ควบคุมการแบ่งเซลล์ การพัฒนาเนื้อเยื่อ และการชักนำให้ตาใบเปลี่ยนเป็นตาดอก
ในช่วงอากาศแปรปรวนหรือฝนตกยาว รากพืชจะผลิตไซโตไคนินได้น้อย
การพ่นเสริมจากภายนอกจึงเป็นวิธีช่วยให้ต้นกลับเข้าสู่สมดุลฮอร์โมนที่เหมาะต่อการออกดอก
งานวิจัยของ Zhang & Ervin (2008) พบว่า สาหร่ายทะเลชนิด Ascophyllum nodosum
มีสารออกฤทธิ์ที่กระตุ้นยีน APETALA1 (AP1) และ LEAFY (LFY)
ซึ่งควบคุมการเริ่มสร้างดอกในพืชหลายชนิด รวมถึงไม้ผลเขตร้อนอย่างทุเรียนด้วย
นอกจากนี้ไซโตไคนินยังช่วยเพิ่มอัตราการขนส่งน้ำตาลและอาหารจากใบลงสู่กิ่ง
ทำให้บริเวณตาใบมีพลังงานพร้อมพอที่จะเปลี่ยนเข้าสู่ภาวะ “ตาดอกเต็มตัว”
วิธีพ่นใต้ท้องกิ่งให้ได้ผล
1. ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
• ใบชุดสุดท้ายอายุ 45–60 วัน สีเขียวเข้ม ไม่มีใบอ่อนใหม่
• ฝนหยุดติดต่อกัน 5–10 วัน และอากาศเริ่มเย็น
• เห็นตุ่มเล็กบริเวณข้อกิ่งด้านล่าง
2. อัตราและวิธีพ่น
• ใช้ผลิตภัณฑ์สาหร่ายทะเลสกัดกลุ่มไซโตไคนิน เช่น
“ดูโอไซโตมิกซ์”, “ดูโอไซโตพลัส” หรือ “ดูโอแทงดอก”
• อัตราแนะนำ 300–500 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร
• พ่นเฉพาะ ใต้ท้องกิ่งหลักและกิ่งแขนง ให้ละอองสัมผัสเนื้อไม้โดยตรง
• พ่นในช่วงเช้าแดดอ่อน ทำซ้ำทุก 5–7 วัน รวม 2–3 ครั้ง
3. สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย
• อุณหภูมิ 20–25°C ความชื้นสัมพัทธ์ 60–70%
• หลีกเลี่ยงฝนตกภายใน 6 ชั่วโมงหลังพ่น
• หลังพ่น 7–10 วัน จะเริ่มเห็นตาดอกนูนชัดบริเวณข้อกิ่ง
ผลภาคสนามจาก โครงการวิจัยตราหญิงงาม (จันทบุรี, 2567) พบว่า
การพ่นใต้ท้องกิ่งด้วยดูโอไซโตมิกซ์สามารถเพิ่มจำนวนตาดอกเฉลี่ย 35–40% เมื่อเทียบกับแปลงที่ไม่ได้พ่น
สัญญาณความสำเร็จของการเปลี่ยนตาใบ
หลังพ่น 10–14 วัน หากสังเกตบริเวณข้อกิ่งใต้กิ่งจะพบ
• ตุ่มตาดอกกลมแน่น สีขาวหรือชมพูอ่อน
• ไม่มีการแตกยอดอ่อนใหม่
• กิ่งมีความตึงแน่น ไม่เหี่ยวง่าย
นั่นคือสัญญาณว่าตาใบได้เปลี่ยนชะตาเป็น “ตาดอกสมบูรณ์” แล้ว ซึ่งพร้อมเข้าสู่ระยะ “ดอกแทงกิ่ง” ในอีก 2–3 สัปดาห์ต่อมา
สรุปแนวคิดหลัก
การพ่นใต้ท้องกิ่งคือเทคนิคสำคัญในการ ชี้นำฮอร์โมนของต้นทุเรียนให้ตาใบเปลี่ยนเป็นตาดอก ได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ
เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมีควบคุมการเจริญเติบโต และให้ผลสม่ำเสมอกว่าการรอปัจจัยจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
พ่นใต้ท้องกิ่งให้ถูกเวลา ถูกตำแหน่ง และต่อเนื่อง 2–3 ครั้ง
คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ทุเรียนออกดอกพร้อมกัน แข็งแรง และให้ผลผลิตคุณภาพสูง
แหล่งอ้างอิง
• Zhang, X. & Ervin, E. H. (2008). Impact of seaweed extracts on plant hormone signaling and floral induction. Journal of Plant Growth Regulation, 27(3), 304–312.
• Nartvaranant, P. et al. (2019). Floral induction in Durio zibethinus Murr. Acta Horticulturae 1230: 187–194.
• ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2566). กระบวนการเปลี่ยนตาใบสู่ตาดอกของทุเรียนและการชักนำด้วยไซโตไคนิน.
• โครงการวิจัยตราหญิงงาม (2567). ผลของการพ่นดูโอไซโตมิกซ์ต่ออัตราการเกิดตาดอกทุเรียนพันธุ์หมอนทองในภาคตะวันออก.
• กรมวิชาการเกษตร. (2566). คู่มือการผลิตทุเรียนเพื่อการส่งออก
เป็นเพื่อนกับปุ๋ยตราหญิงงาม
ได้รับข่าวสาร
และโปรโมชันก่อนใคร